สัมภาษณ์ ท่ามกลางการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในช
อ่านข่าวต้นฉบับ: BA ตั้งรับ “แซนด์บ็อกซ์” คาดกลับมากำไรอีกครั้งปี’67
สัมภาษณ์
ท่ามกลางการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจสายการบินเป็นเซ็กเตอร์หนึ่งที่มีการแข่งขันที่สูงมาก โดยเฉพาะการแข่งขันด้าน “ราคา” โดยสะท้อนชัดเจนจากผลประกอบการของธุรกิจสายการบินที่ไม่ค่อยดีนักมาตั้งแต่ปี 2561-2562 ที่เริ่มเห็นตัวเลขขาดทุน เมื่อต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ในปี 2563 ยิ่งทำให้ธุรกิจสายการบิน “วิกฤต” หนักยิ่งขึ้น
“ประชาชาติธุรกิจ” ได้ร่วมสัมภาษณ์ “พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ผู้บริหารสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ถึงภาพรวมธุรกิจการบิน แผนธุรกิจ และทิศทางการดำเนินธุรกิจท่ามกลางวิกฤตโควิด รวมถึงแผนการลงทุนของกลุ่มบริษัทการบินกรุงเทพ ไว้ดังนี้
ธุรกิจการบินยังซบต่อเนื่อง
“พุฒิพงศ์” บอกว่า หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดรอบแรก ภาพรวมของธุรกิจการบินเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 ผู้โดยสารเริ่มกลับมาเดินทางกันอีกครั้ง ยอดจองการเดินทางของบางกอกแอร์เวย์สในทุกเส้นทางช่วงต้นเดือนธันวาคมเข้ามาวันละกว่า 5,000 คน (จากช่วงปกติก่อนโควิดวันละกว่า 10,000 คน) ส่งผลถึงยอดจองเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 เริ่มกลับมาคึกคัก
แต่พอเจอการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ยอดจองการเดินทางตกลงทันที และเหลือวันละไม่ถึง 1,000 คน กระทั่งลดลงต่ำสุดเหลือวันละ 200 กว่าคน ในช่วงเดือนมกราคม 2564
เรียกว่าเป็น “ตัวเลข” ต่ำสุดในประวัติศาสตร์ของบางกอกแอร์เวย์สที่เปิดให้บริการ
“ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาคนไทยแทบจะหยุดการเดินทางกันอีกครั้ง ขณะที่เราเห็นสัญญาณในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนว่าสถานการณ์เริ่มกลับมาดี จึงเริ่มเปิดเส้นทางบินเพิ่มอีกครั้ง สุดท้ายผู้โดยสารไม่เดินทาง เส้นทางบินที่เปิดไปแล้วเราเลยลดไม่ทัน ก็จำต้องแบกรับต้นทุนไป กระทั่งขณะนี้มีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ราววันละ 1,000 คนเท่านั้น ยังกลับมาได้ไม่เท่ากับช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมปีที่แล้ว ยกเว้นเฉพาะช่วงวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์เท่านั้น ทำให้ภาพรวมของเราถอยกลับมาตั้งหลักอีกครั้ง”
ทยอยเพิ่มเส้นทางบินใน ปท.
“พุฒิพงศ์” บอกด้วยว่า ปัจจุบันสายการบิน “บางกอกแอร์เวย์ส” ให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศจำนวน 8 เส้นทางบิน ประกอบด้วย เส้นทางจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ สมุย, กระบี่, ภูเก็ต, เชียงใหม่, ลำปาง, สุโขทัย, ตราด และเส้นทางหาดใหญ่-ภูเก็ต รวมทั้งหมดประมาณ 20 เที่ยวบินต่อวัน (ไป-กลับ) มีเครื่องบินทั้งหมด 39 ลำ ขณะนี้ใช้ทำการบินอยู่แค่ 15 ลำ ที่เหลืออีกเกินครึ่งยังทำอะไรไม่ได้ ต้องจอดอยู่ในลานจอดต่อไป
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีแผนจะทยอยเพิ่มเส้นทางบินตามดีมานด์ของตลาดต่อเนื่องเช่นกัน อาทิ เส้นทางบินกรุงเทพฯ-แม่สอด ในเดือนมิถุนายน (แผนเดิมที่เลื่อนมาจากช่วงก่อนวิกฤตโควิด) จากนั้นมีแผนเพิ่มเส้นทางภูเก็ต-สมุย และภูเก็ต-อู่ตะเภาในช่วงเดือนกรกฎาคม และเส้นทางเชียงใหม่-ภูเก็ต และเชียงใหม่-กระบี่ ในเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้ คาดว่าภายในปีนี้ “บางกอกแอร์เวย์ส” จะกลับมาให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศได้ประมาณ 30-40% เมื่อเทียบกับช่วงปี 2562 (ก่อนโควิด) เพราะยังไม่สามารถเพิ่มความถี่เที่ยวบินในแต่ละเส้นทางได้มากนัก
จ่อบิน ตปท.รับ Sand Box
สำหรับเส้นทางบินระหว่างประเทศนั้น “พุฒิพงศ์” บอกว่า ถ้าแผนทุกอย่างเป็นไปตามไทม์ไลน์การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่กักตัว หรือตามโมเดล sand box (แซนด์บ็อกซ์) ของรัฐบาลที่เริ่มจากมาตรการลดวันกักตัวเหลือ 7, 10 วัน ตั้งแต่เดือนเมษายนนี้ใน 6 เมืองท่องเที่ยวหลัก
และเลิกกักตัวนักท่องเที่ยวที่ภูเก็ตในเดือนกรกฎาคม และตุลาคมเลิกกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติในอีก 6 เมืองท่องเที่ยวหลักก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการกลับมารีสตาร์ตเส้นทางบินระหว่างประเทศอีกครั้ง
โดยขณะนี้ได้เริ่มศึกษาเพื่อเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศและในประเทศเพื่อรองรับโมเดล sand box แล้วเช่นกัน โดยใช้ฮับการบินที่สมุย (สุราษฎร์ธานี) เช่น เส้นทางสมุย-สิงคโปร์, สมุย-ฮ่องกง ในช่วงเดือนกรกฎาคม และเส้นทางบินกรุงเทพฯ-พนมเปญ (กัมพูชา), กรุงเทพฯ-ย่างกุ้ง (เมียนมา) ในช่วงเดือนตุลาคม
นอกจากนี้ ยังศึกษาและเตรียมความพร้อมสำหรับเปิดเส้นทางบินสู่จีนอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงทำการศึกษาแผนการนำเครื่องบินที่เหลือ กลับมาใช้ด้วย
“ทั้งหมดนี้เป็นแผนที่เราเตรียมความพร้อมไว้ เพราะ ณ เวลานี้เราประเมินว่าเมื่อถึงเวลานั้นสถานการณ์โดยรวมของไวรัสโควิดน่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส่วนจะเปิดได้เร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับประเทศปลายทางนั้น ๆ ด้วยว่าเขามีความพร้อมสำหรับเปิดประเทศแค่ไหนด้วย”
และไม่เพียงแค่เส้นทางบินระหว่างประเทศเท่านั้น “บางกอกแอร์เวย์ส” ยังมีแผนเปิดเส้นทางบินภายในประเทศเพื่อรองรับโมเดล sand box ด้วยเช่นกัน คือเส้นทางภูเก็ต-สมุย, ภูเก็ต-อู่ตะเภา, เชียงใหม่-ภูเก็ต และเชียงใหม่-กระบี่ ซึ่งมีแผนจะเปิดในช่วงเดือนกรกฎาคมและตุลาคมนี้
ผู้โดยสาร-รายได้’64 ต่ำกว่าปี’63
เมื่อถามถึงการคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารและรายได้สำหรับปีนี้ “พุฒิพงศ์” บอกว่า โดยรวมของปี 2564 นี้ประเมินว่าตัวเลขทั้งจำนวนผู้โดยสารและรายได้จะต่ำกว่าปี 2563 ที่ผ่านมา โดยมีผู้โดยสารประมาณ 1.61 ล้านคน และมีรายได้จากผู้โดยสารรวมประมาณ 3,392 ล้านบาท ต่ำกว่าปี 2563 ที่มีผู้โดยสาร 1.89 ล้านคน และมีรายได้จากผู้โดยสาร 5,558 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากในปี 2563 มีรายได้ช่วง 2 เดือนแรก (มกราคม-กุมภาพันธ์) สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2562
“ในปี 2562 ก่อนวิกฤตโควิดเรามีจำนวนผู้โดยสาร 5.86 ล้านคน มีรายได้จากผู้โดยสารรวม 19,000 ล้านบาท นั่นหมายความว่า การคาดการณ์รายได้รวมของปี 2564 นี้ต่ำกว่าปี 2563 ประมาณ 40% และหากเทียบกับปี 2562 พบว่ายังต่ำกว่าถึง 80%”
อย่างไรก็ตามสำหรับปี 2564 ต่อเนื่องถึงปี 2565 นี้บริษัทน่าจะเป็นปีที่สามารถบริหารจัดการต้นทุนบางส่วนได้ดีขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนค่าเครื่องบิน เพราะมีเครื่องบินที่หมดสัญญาและต้องส่งคืนจำนวน 1 ลำ หลังจากปีที่แล้วคืนไปแล้ว 1 ลำ และมีแผนคืนอีก 6 ลำในปีหน้า
ตั้งเป้าปี’67 กลับมามีกำไร
“พุฒิพงศ์” บอกว่า จากแผนดังกล่าวนี้คาดว่าจะทำให้รายได้และผู้โดยสารในปี 2565 กลับมาได้ประมาณ 30-50% และเพิ่มเป็น 60-80% ในปี 2566 และกลับมาได้เท่ากับหรือใกล้เคียงกับปี 2562 ได้ภายในปี 2567 ซึ่งสอดรับกับคาดการณ์ของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA)
และคาดหวังว่า ปี 2567 น่าจะเป็นปีที่ “บางกอกแอร์เวย์ส” กลับมามี “กำไร” ได้อีกครั้ง ในรอบ 5 ปี หลังจากที่เผชิญกับวิกฤตโควิด…
อู่ตะเภา-MRO จิ๊กซอว์ใหม่ บางกอกแอร์เวย์ส
แม้ “บางกอกแอร์เวย์ส” จะยังประเมินว่าธุรกิจการบินของไทยและทั่วโลกจะยังไม่สดใสนักและยังต้องใช้เวลาอีกถึงประมาณ 4-5 ปีในการฟื้นฟู (recover) ให้ธุรกิจกลับมาได้ใกล้เคียงกับปี 2562 หรือก่อนวิกฤตโควิด
แต่ “พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ” นายใหญ่ยังเชื่อว่า ด้วยสินทรัพย์ที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน, เครื่องบิน, สนามบิน (สมุย, สุโขทัย และตราด) ฯลฯ ทำให้บริษัทการบินบางกอก หรือบางกอกแอร์เวย์ส ได้รับผลกระทบด้านเงินทุนหมุนเวียนไม่หนักเท่าสายการบินบางแห่ง ยังสามารถกู้สถาบันการเงินเข้ามาหมุนเวียนได้ในระดับหนึ่ง
ที่สำคัญ ยังทำให้บริษัทมีศักยภาพในการลงทุนต่อเนื่องได้ตามแผนที่วางไว้ โดย 2 โครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่อยู่ในแผนขณะนี้คือ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนที่ใช้เงินลงทุนประมาณ 2.9 แสนล้านบาท
“พุฒิพงศ์” บอกว่า โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่ร่วมกับอีก 2 พาร์ตเนอร์ คือ กลุ่มทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งฯ ซึ่งได้ธนาคารสนับสนุนด้านการเงินแล้ว โดยเบื้องต้นเฟสแรกคาดว่าน่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 30,000 ล้านบาท
โดยการก่อสร้างจะเริ่มในปี 2565 และแล้วเสร็จในปี 2568 รองรับจำนวนผู้โดยสารที่ 15.9 ล้านคนต่อปี เพื่อยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็น “สนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลัก แห่งที่ 3” เชื่อมสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิด้วยรถไฟความเร็วสูง
ส่วนอีกโครงการคือ โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน หรือ MRO ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โดยบริษัทได้แจ้งความประสงค์เข้าลงทุนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างให้ฝ่ายซ่อมบำรุงทำข้อมูลเพื่อนำเสนอ โดยเริ่มต้นจากอากาศยานลำตัวแคบจำนวน 4 ลำ ภายใต้ชื่อโครงการโรงซ่อมอากาศยานของบางกอกแอร์เวย์สในพื้นที่อีอีซี
ทั้งนี้ คาดว่าทั้งโครงการจะใช้เงินลงทุนราว 1,000 ล้านบาท โดยเบื้องต้นเฟสแรกน่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 500-600 ล้านบาท (รองรับเครื่องบินลำตัวแคบจอด 2 ลำ)
หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนน่าจะใช้เวลาทำการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ได้ในปี 2565 และเริ่มก่อสร้างในปี 2565 และแล้วเสร็จในปี 2567
“เรามองว่าประเทศไทยยังไม่มีศูนย์ซ่อม ส่วนที่มีอยู่เป็นเพียงศูนย์ซ่อมของสายการบินแต่ละแห่งที่ซ่อมเครื่องบินของตัวเองเท่านั้น ที่สำคัญ มองว่าเราอยู่ในพื้นที่ตรงนี้น่าจะสามารถทำต้นทุนได้ดีและสามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์, อินโดนีเซีย หรือฟิลิปปินส์”
“พุฒิพงศ์” ยังบอกด้วยว่า หากมองยาวไปอีก 4-5 ปี หรือในปี 2568 ทั้งโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก และโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน หรือ MRO ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC แล้วเสร็จจะเป็นปีที่คาดว่าธุรกิจสายการบินสามารถกลับมาพลิกฟื้น และมีศักยภาพในการทำรายได้และกำไรแล้วเช่นกัน
และเมื่อถึงวันนั้นบริษัทสามารถเอาธุรกิจสายการบินไปต่อยอดธุรกิจ “อู่ตะเภา” ได้มหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการหาพันธมิตรการบิน หรือการใช้อู่ตะเภาเป็นฮับการบินใหญ่ของ “บางกอกแอร์เวย์ส” เป็นต้น
พูดง่าย ๆ คือ ทั้ง 2 โครงการใหญ่นี้จะเป็น “จิ๊กซอว์” ตัวใหม่ที่ช่วยต่อยอดให้กับ “บางกอกแอร์เวย์ส” อีกมหาศาลแน่นอน…
อ่านข่าวต้นฉบับ: BA ตั้งรับ “แซนด์บ็อกซ์” คาดกลับมากำไรอีกครั้งปี’67
Credit ข่าวและภาพจาก ฟีดข่าวประชาชาติ : https://www.prachachat.net